ญี่ปุ่นเพิ่ม 11 ประเทศห้ามเข้า ยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ

ญี่ปุ่นเพิ่ม 11 ประเทศห้ามเข้า ยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 63 มีรายงานว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ประกาศว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เพิ่มรายชื่ออีก 11 ประเทศ ที่ประชาชนในประเทศไม่สามารถเดินทางเข้าสู่ญี่ปุ่นได้ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมออกคำเตือนไม่ให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวด้วย

สำหรับรายชื่อ 11 ประเทศที่ประกาศเพิ่มเติมใหม่ 

ได้แก่ ประเทศอินเดีย, ประเทศอาร์เจนตินา, ประเทศแอฟริกาใต้, ประเทศอัฟกานิสถาน, ประเทศบังกลาเทศ, ประเทศเอลซัลวาดอร์, ประเทศกานา, ประเทศกินี, ประเทศเคอร์กิสถาน, ประเทศปากีสถาน และประเทศทาจิกิสถาน

นอกจากนี้นายชินโซ อาเบะ ได้ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน ในเขตโตเกียวและฮอกไกโดใน หมายความว่า ประเทศญี่ปุ่นได้ยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศแล้ว โดยจะมีการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในทุก 3 สัปดาห์ และ ประเทศญี่ปุ่นจะค่อยๆ ผ่อนคลายข้อเรียกร้องที่ให้ประชาชนอยู่ภายในบ้าน และหลีกเลี่ยงการชุมนุมขนาดใหญ่หลังประเมินสถานการณ์แต่ละครั้งต่อไป

นายชินโซ อาเบะ กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่ำกว่า 50 คน ทั่วทั้งประเทศ ก่อนหน้าเคยมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเกือบ 10,000 ราย แต่ตอนนี้ลดลงต่ำกว่า 2,000 รายแล้ว ธุรกิจและกิจวัตรประจำวันในประเทศจะหยุดชะงักอย่างสมบูรณ์ หากเรายังไม่ผ่อนคลายมาตรการ นับจากนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคิดว่า เราจะสามารถดำเนินธุรกิจและดำเนินชีวิตอย่างไร ในขณะที่ยังคงควบคุมความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออยู่”

21 พฤษภาคม – WWE (ดับเบิลยูดับเบิลยูอี) ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า Shad Gaspard (แชด แกสปาร์ด) อดีตนักมวยปล้ำในสังกัด เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 39 ปี โดยเจ้าตัวถูกคลื่นในหาดเวนิส สหรัฐฯกลืนหายไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะมีคนพบร่างไร้วิญญาณในช่วงเช้าวันที่ 20 พฤษภาคม

อดีตสมาชิกของ Cryme Tyme หนึ่งในแท็กทีมชื่อดังของ WWE พาครอบครัวไปพักผ่อนหย่อนใจที่ชายหาด ก่อนเจอปรากฏการณ์น้ำทะเลดูด เจ้าตัวตัดสินใจตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือลูกชาย สุดท้ายกลายเป็น Gaspard ที่จมหายไปในท้องทะเล

สำหรับ Shad Gaspard เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะคู่หูของ JTG ซึ่งแม้จะไม่เคยก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ แต่ก็สร้างรอยยิ้มให้กับแฟนๆ มวยปล้ำได้เป็นอย่างดี ในปี 2008 พวกเขาเคยผนึกกำลังกับ จอห์น ซีน่า (John Cena) เปิดศึกกับ JBL ก่อนหมดสัญญากับค่ายในปี 2010

อาการหนัก ! บราซิล ติดเชื้อ+ตายพุ่ง ผู้นำยังเชื่อ แค่กระแสปลุกปั่น

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศบราซิล ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นอย่างน่ากลัว และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย โดยประธานาธิบดี เชื่อว่านี่เป็นแค่กระแสปลุกปั่นเท่านั้น

ประธานาธิบดี ชาอีร์ โบลโซนาโร แห่งบราซิล ได้ออกมาเผยว่า แท้จริงแล้ว ภัยคุกคามจากการระบาดของถูกทำให้เกินความเป็นจริงด้วยโฆษณาชวนเชื่อขนานใหญ่ และ “เรื่องนี้ทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจของครอบครัวชาวบราซิล” นายโบลโซนาโร กล่าว

โดยเวลานี้ บราซิล มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 300,000 รายแล้ว และเสียชีวิตกว่า 20,000 ศพ ซึ่งสถิติจากเมื่อวานที่ผ่านมา ยอดของผู้เสียชีวิต ก็มากที่สุดในประเทศแล้วด้วย จากการมีผู้เสียชีวิตวันเดียวมากถึง 1,188 ราย มีผู้ติดเชื้อกว่า 17,564 ราย

พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 3 ของโลก เป็นรองเพียง สหรัฐฯ (ราว 1.57 ล้านราย) และรัสเซีย (ราว 317,500 ราย) เท่านั้น เท่านั้น และยังได้แซงหน้าประเทศอย่าง สเปน อิตาลี และ อังกฤษ

หากได้ติดตามข่าวการแพร่ระบาดเชื้อของไวรัสโควิด-19 ในประเทศบราซิล จะเห็นได้ว่า ผู้นำอย่าง ประธานาธิบดี ชาอีร์ โบลโซนาโร  นั้นยังเพิกเฉยและยังไม่ให้ความตระหนักถึงพิษของไวรัสสายพันธุ์นี้มากเท่าที่ควร ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้วยอดตัวเลขของบราซิลจะไปอยู่อันดับใดต่อไป

มีรายงานว่าแอพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง TikTok ได้ประกาศลบคลิปวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง และข้อความที่สร้างความเกลียดชังกว่า 49 ล้านคลิป เมื่อช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1% ของจำนวนคลิปวิดีโอทั้งหมด ซึ่งจำนวน 1 ใน 3 อยู่ในอินเดีย สหรัฐอเมริกา และปากีสถาน

แอปพลิเคชัน TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดยบริษัท ByteDance ของประเทศจีน ที่เติบโตต่อจากจากแอปพลิเคชัน Douyin ที่ให้บริการจีนไปก่อนหน้านี้  ป้จจุบัน TikTok มีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านบัญชีทั่วโลก โดยอินเดียเป็นประเทศที่มียอดดาวน์โหลด TikTok มากที่สุดในโลกกว่า 466 ล้านครั้ง รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา และจีน

ต่อมาทางทางอินเดีย ก็ได้แบนแอพ Tiktok โดยมองว่าอาจส่งผลถึงความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว อาจถูกคุกคามจากแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ นอกจากนี้อินเดียยังแบนแอพอื่นๆ ของจีนถึง 59 รายการ ทางด้านประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็ได้พิจารณาจะแบนแอป  TikTok ด้วยปัญหาความมั่นคง ความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลด้วยเช่นกัน หลังจากที่ TikTok ต้องหยุดบริการในฮ่องกง ตามกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป