‘ลดปัง ข้ามปี New Year Grand Sale 2020’ พาณิชย์คืนความสุขคนไทย

‘ลดปัง ข้ามปี New Year Grand Sale 2020’ พาณิชย์คืนความสุขคนไทย

วันที่ 13 ธันวาคม กระทรวงพาณิชย์ นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ปลายปี ‘ลดปัง ข้ามปี New Year Grand Sale 2020’ โดยร่วมมือกับกรมการค้าภายใน และ ภาคเอกชน ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย ด้วยการลดราคาสินค้าต่าง ๆ มากมาย สูงสุดถึง 70%

โครงการ ลดปัง ข้ามปี New Year Grand Sale 2020 

มีภาคเอกชนเข้าร่วมโครงการมากมาย อาทิ ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมค้าส่งประเทศไทย ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และผู้ประกอบการรถยนต์ นั่นทำให้มีสินค้าหลากหลายประเภทดาหน้ามาลดราคา ให้คนไทยเลือกจับจ่ายใช้สอย

สินค้าที่ลดราคาในโครงการนี้ประกอบด้วย 10 ประเภท คือ อาหารเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เพื่อการเกษตร เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์กีฬา และยางรถยนต์

สำหรับโครงการ จะเริ่ม Kick off วันที่ 14 ธันวาคม 2562 ถึง 12 มกราคม 2563 ไม่ใช่แค่คนกรุงเทพเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้ แต่จะรวมคนไทยทั้งประเทศ เพราะมีร้านค้าต่าง ๆ เข้าร่วมถึง 20,000 แห่ง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า “ยางรถยนต์และค่าบริการตรวจเช็กเครื่องยนต์ จะลดราคาอยู่ที่ 20% ถึง 30%  ขณะที่เครื่องนอน เครื่องสำอาง เครื่องเขียน เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ลดสูงสุด 10-70% คาดว่าช่วยลดภาระค่าของชีพประชาชนได้ถึง 30 %  คิดเป็นเงิน 21,600 ล้านบาท”

ส่วนการ Kick Off ในแต่ละภาคจะตระเวนไป อุบลราชธานี เชียงใหม่ ตาก และนครศรีธรรมราช

SET- วันที่ 17 ธันวาคม 2562 กระแสความเคลื่อนไหวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครึ่งวันเช้า ดัชนี SET ราคาเปิดอยู่ที่ 1,551.71 ราคาต่ำสุด 1,543.22 ราคาสูงสุด 1,556.82 ปรับขึ้น 4.33 จุด เปลี่ยนแปลง +0.28% มูลค่าการซื้อขาย 33,238.99 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายมูลค่ามากสุด 5 อันดับ คือ 1. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 2. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท ซีพี ออล จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด มหาชน และ 5. บริษัท โกลบอล พาวเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)

‘บ้านดีมีดาวน์’ คึกคัก ลงทะเบียนวันแรก 4 หมื่นราย

บ้านดีมีดาวน์ – ข่าวทำเนียบรัฐบาล รายงาน นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเปิดลงทะเบียน “โครงการบ้านดีมีดาวน์” ในวันแรก ระบบมีความพร้อมในการรองรับการลงทะเบียนผ่าน www.บ้านดีมีดาวน์.com เป็นอย่างดี

ณ เวลา 13.00 น. มีผู้ลงทะเบียนแล้วจำนวน 40,906 ราย ซึ่งผู้ที่ลงทะเบียนแล้วระบบจะใช้เวลาตรวจสอบรอบแรก 3 วันทำการ และจะได้รับ SMS แจ้งผลการตรวจสอบคุณสมบัติในรอบแรกว่าได้เป็นผู้เข้าร่วมโครงการหรือไม่ และหากเป็นผู้ที่ผ่านการตรวจสอบสามารถนำ SMS ดังกล่าวไปแสดงต่อสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการเพื่อแสดงตนว่าเป็นผู้เข้าร่วมโครงการได้ ในส่วนของการกรอกข้อมูลหน้าเว็บไซต์ที่ลงทะเบียนมีเพียงข้อมูลเบื้องต้น ได้แก่ เลขประจำตัว 13 หลัก ชื่อ-สกุล ว/ด/ป เกิด รหัสหลังบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์มือถือและ E-mail

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังกำหนดเวลาในการเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น. ของทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ 11 ธันวาคม 2562 – 31 มีนาคม 2563 และในช่วงแรกจะจำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียน 500,000 ราย เพื่อประโยชน์ในการประเมินผลของโครงการ ในส่วนของคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับสิทธิยังคงเดิม คือ

1) เป็นผู้มีสัญชาติไทย

2) เป็นผู้อยู่ในระบบฐานภาษีกรมสรรพากรและมีเงินได้ในปีภาษี 2561 ไม่เกิน 1,200,000 บาท

3) เป็นผู้ที่มีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยหลังลงทะเบียนระบบจะตรวจสอบคุณสมบัติรอบแรกตามข้อ 1) – 3) และแจ้งผลการตรวจสอบทาง SMS

และ 4) เป็นผู้ที่ขอสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ได้แก่ 4.1) เป็นผู้ที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและจดจำนองแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ถึง31 มีนาคม 2563 4.2) เป็นการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ที่สร้างเสร็จแล้วจากผู้ประกอบการที่เป็นผู้จัดสรรตามกฎหมายและ 4.3) ไม่ใช่การกู้เพื่อ refinance โดยสามารถขอสินเชื่อได้จากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการตามรายชื่อสถาบันการเงินที่แสดงอยู่บนเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com โดยผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ 100,000คนแรก จะเป็นผู้ได้รับสิทธิจะได้รับเงินสนับสนุน 50,000 บาท

โครงการบ้านดีมีดาวน์เป็นโครงการที่จะช่วยผู้ที่อยู่ระหว่างตัดสินใจซื้อบ้านให้สามารถตัดสินใจซื้อบ้านได้เร็วขึ้น โดยโครงการนี้เป็นหนึ่งในมาตรการของรัฐที่สนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อีกทั้งเป็นการช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์โดยคาดว่าโครงการนี้จะช่วยระบาย stock ของที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จแล้วและใกล้แล้วเสร็จที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 270,000 ยูนิต เพื่อก่อให้เกิดการลงทุนใหม่และส่งผลดีต่อเนื่องไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Supply Chain) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป